วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

ผื่นแพ้และคันเรื้อรัง



โรคผิวหนังชนิดผื่นคัน ฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็กเลยนะถ้าหากต้องเป็นเรื้อรังแรมเดือนแรมปี ไม่หายสักที วันนี้ผมจะขออนุญาตนำเสนอความรู้เกี่ยวกับเรื่องผื่นคันที่ว่านี้ให้กับท่านผู้อ่าน เผื่อจะได้ปฏิบัติตนได้ถูกและหายในเร็ววันครับ

โรคผื่นคันมีสองประเภท คือ




  1. ชนิดที่เพิ่งเป็น (ไม่เกินเดือน) ชนิดนี้รักษาไม่ยากถ้าหากไปพบแพทย์หรือเภสัชกรและใช้ยาที่เขาแนะนำ ผมจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ อยากจะเล่าถึงเรื่องอีกชนิดหนึ่งมากกว่า


  2. ชนิดที่เป็นเรื้อรัง (ไม่หายเสียที แม้จะผ่านเวลามาหลายเดือนแล้ว) ชนิดที่สองนี้จะต้องมีความรู้ประกอบด้วย คือรู้จักการปฏิบัติตนให้ถูกต้อง ก็อาจจะหายได้ครับ



โรคผื่นคันชนิดเรื้อรัง (Chronic eczema)



คือผื่นที่ขึ้นที่เดียวกันอย่างต่อเนื่อง นานมากกว่า 1 เดือน โดยอาการแรกจะมีน้ำเหลืองไหล หรือเป็นแผลเฟะบริเวณที่คัน หลังจากการรักษาไปบ้าง ก็จะกลายเป็นผิวหนังแห้งๆ แตกเป็นแผล และก็มีน้ำเหลืองออกมาอีก น้ำเหลืองที่ว่านี้จะใสๆ พอแข็งตัวก็จะกลายเป็นสะเก็ดสีเหลืองเข้มปกคลุมแผลอยู่ พอเกาไปเกามาก็กลับเป็นแผลอีกครั้ง



ผื่นคันเรื้อรังนี้มักจะพบได้ในตาม มือ เท้า ไปจนถึงหนังศีรษะ







สาเหตุที่ทำให้ไม่หายสักที


สาเหตุที่มองข้ามไป


ก็คือ สารเคมีที่เราใช้ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณนั้น บางคนเป็นผื่นคันมาก ก็นึกว่าตัวเองนั้นสกปรก จึงสรรหาเอาสารพัดน้ำยาทำความสะอาดมาล้างแผลบริเวณนั้น เริ่มจากสบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม บางคนก็ใช้น้ำยาล้างจาน ไปจนถึงผงซักฟอกเลยก็มี แล้วแค่นั้นก็ยังกลัวไม่สะอาดสมใจ ยังใช้สก๊อตไบรต์ขัดเสียอีกแน่ะ จะได้สะอาดๆ


ก็จริงอยู่ครับว่าแผลมันสะอาด แต่แผลก็ได้รับการกระทบกระเทือนมากเหลือเกินจากการทำแบบนี้ ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้แผลไม่หาย ไม่ใช่เชื้อโรคหรือความสกปรกหรอก แต่อยู่ที่แผลมันระคายต่อสารเคมี และการทำทารุณกรรมกับมันต่างหาก พอคนไม่รู้ตรงนี้ยิ่งฟอกยิ่งเป็น ยิ่งเป็นยิ่งฟอก ทำให้เกิดวงจรที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น


แนะนำให้ล้างแผลด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว (อย่าแม้แต่จะฟอกสบู่นะครับ) ล้างน้ำเปล่าแล้วเช็ดให้แห้ง ก็พอ อาการอักเสบของแผลอาจจะลดลงไปได้บ้างหากไม่โดนสารเคมี


สิ่งที่ควรทำประการที่สอง


ก็คือ การรักษาความชุ่มชื้นให้กับแผล ยิ่งแผลที่เก่าแก่มากเพียงใด ผิวหนังบริเวณนั้นจะแตกออกมากเพียงนั้น มองๆไปมันเหมือนดินที่แตกระแหงในยามหน้าแล้งนั่นเอง ผิวหนังของคนเราก็เหมือนกัน ขนาดมันดีๆอยู่ มันก็เสียความชุ่มชื้นไปมากโขอยู่แล้ว แต่นี่ถ้าหากมีการแตกออกของผิวหนังอีก ความชุ่มชื้นจะระเหยออกมาจะร่องที่แตกอย่างรวดเร็ว เป็นสิบๆเท่าของปกติเลยล่ะ


เราต้องทำให้บริเวณผิวหนังที่แห้งนั้นมีความชุ่มชื้นมากขึ้น อาจจะใช้โลชั่นทาก็ได้ (แต่ต้องไม่เป็นอันตรายหรือระคายเคืองต่อแผลนะ) บางคนอาจกินวิตามิน A หรือ E เพื่อเสริมสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่ที่ผมดูมาและเห็นว่าเด็ดที่สุด คือ การใช้พลาสติกห่อแผลเอาไว้เลยครับ หลักการก็เหมือนใช้พลาสติกคลุมหน้าดิน หรือห่อผลไม้ตามต้นอย่างนั้นแหละครับ ถ้าเป็นแผลแห้งคันเรื้อรังที่เท้า เราก็เอาถุงพลาสติกมาคลุมเท้าไว้ และใส่ถุงเท้าทับไปอีกชั้น (ถ้าเป็นที่มือก็ใช้ถุงมือทับไปอีกชั้น) ทำเฉพาะตอนกลางคืนก็ได้ จะเห็นผลว่าแผลมีความชุ่มชื้นมากขึ้นใน 1-2 วัน


ยาที่ใช้รักษา


เมื่อเราหลีกเลี่ยงของระคาย และสร้างความชุ่มชึ้นให้กับแผลเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงยาล่ะครับ ยาที่ใช้ก็เป็นยาครอบจักรวาลที่ทุกคนรู้จัก ก็คือ TA cream หรือเสตียรอยด์ครีม นั่นเอง ท่านผู้อ่านได้ยินชื่อแล้วอย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีครับ อันว่าเสตียรอยด์นี้มีชื่อเสียงที่ไม่ดีเรื่องผลข้างเคียงของมัน แต่ถ้าหากเป็นยาทาใช้ภายนอก ผลเสียของมันก็น้อยมาก (ยกเว้นเอาไปทาหน้านะครับ) ท่านผู้อ่านไปปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่านได้เลยครับ เพื่อให้คุณหมอเขายืนยันประโยชน์ของมันในการรักษาแผลเรื้อรังชนิดนี้


สาเหตุที่ควรหลีกเลี่ยง ท่านลองสังเกตดูว่าท่านได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่




  • สารเคมีต่างๆ ได้แก่ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ดินผสมสำหรับปลูกต้นไม้ น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน หมึกพิมพ์ น้ำมัน ปูน ฯลฯ


  • สารชีวภาพ เช่น เนื้อสัตว์ดิบ ต้นไม้ ใบไม้บางชนิด เศษหญ้า น้ำหอม


  • เครื่องแต่งกาย บางคนแพ้สร้อยคอ สายเข็มขัด นาฬิกา ไปจนถึงยาง เช่นถุงมือยาง รองเท้ายาง สายรองเท้าแตะแบบหนีบ บางคนใส่เสื้อผ้าบางชนิดแล้วเกิดอาการแพ้ขึ้น


ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านลองสังเกตดูครับ ว่าเราแพ้อะไร ทำอะไรแล้วเป็นมากขึ้น อะไรทำแล้วแพ้น้อยลง ลองใช้วิธีแบบที่ผมกล่าวมาเป็นการทดลองเอาก็ได้ครับ ว่าจะได้ผลหรือไม่ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ

4 ความคิดเห็น:

เบียร์ กล่าวว่า...

ขอบคุณากนะ เรามาเมืองนอกแล้วผื่นขึ้นเต็มเลย ไม่รู้เป็นไรอยู่ดีๆก็ขึ้น ขึ้นจั๊กแร้ และคอ หาสาเหตุยังไม่เจอเลยอะ ตอนนี้ลอมใหญ่ละ T^T

เบียร์ กล่าวว่า...

ขอบคุณากนะ เรามาเมืองนอกแล้วผื่นขึ้นเต็มเลย ไม่รู้เป็นไรอยู่ดีๆก็ขึ้น ขึ้นจั๊กแร้ และคอ หาสาเหตุยังไม่เจอเลยอะ ตอนนี้ลอมใหญ่ละ T^T

เบียร์ กล่าวว่า...

ขอบคุณากนะ เรามาเมืองนอกแล้วผื่นขึ้นเต็มเลย ไม่รู้เป็นไรอยู่ดีๆก็ขึ้น ขึ้นจั๊กแร้ และคอ หาสาเหตุยังไม่เจอเลยอะ ตอนนี้ลอมใหญ่ละ T^T

Unknown กล่าวว่า...

ผมเป็นตุ่มคันที่หนังศรีษะเป็นเรื้อรังมาหลายปีรักษาทั้งหาหมอทั้งหายามาทาก็ไม่หาย ใครแนะนำให้ทำอะไรก็ลองผลคือไม่หายเสียตังค์ไปมากกับการรัษา แชมพูแพงเป็นพันก็ลองชื้อใช้แต่ไม่ได้ผลจะทำยังไงดีคัฟ