วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปวดหัว

เรื่องปวดหัวเป็นเรื่องที่คนทุกคนต้องเคยเป็น

พอพูดถึงเรื่องปวดหัวแล้วผมคิดถึงว่า
ปวดธรรมดาพอรำคาญหรือปวดมากทุรนทุรายต้องไปหาหมอที่ รพ.
เป็นเรื่องที่อยู่ในกระโหลกศีรษะ ตรวจเจออาการแสดงยาก
ส่วนใหญ่พวกหมอก็จะใช้วิธีซักประวัติกันเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อวินิจฉัยโรค

เราในฐานะคนธรรมดาๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนปวดอันตราย อันไหนพอรักษาเองได้
ส่วนใหญ่ถ้าปวดแล้วกินยา paracetamol 2 เม็ดหาย ก็ไม่ค่อยจะอันตรายเท่าไร
แต่ถ้ากินยาแล้วเท่าไรก็ไม่หายปวดสักที อันนี้น่าไปพบหมอ

อยากให้ทราบอาการเตือนว่าที่ปวดหัวนี้เป็นปวดหัวไม่ธรรมดา
- ปวดหัวจนอาเจียน
- ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน
- คอแข็ง ก้มศีรษะลงไม่ได้
- ซึมลง หมดสติ
- ปวดมากอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อนเลย

เราแบ่งการปวดออกเป็นตามสาเหตุการปวด

ปวดศีรษะไมเกรน เป็นชื่อที่คนคุ้นหูกันดี แต่นำไปใช้ผิดเยอะ เพราะน้อยคนนักที่จะป่วยเป็นปวดไมเกรน เกิดจากเส้นเลือด+เส้นประสาทที่เลี้ยงสมองเกิดอาการปวดขึ้นมา และเหนี่ยวนำให้เส้นประสาทข้างเคียงปวดตามกันมาด้วย อาการปวดแบบนี้จะปวดมากสุดๆ ปวดจนต้องนอนนิ่งๆ ถ้าเจอเสียงดัง แสงสว่างมากๆ จะยิ่งปวดใหญ่เลย ปวดมากจนทำงานการไม่ได้ แต่ก็มีข้อดีคือ บทจะหาย ก็หายเป็นปลิดทิ้งไปเลย (ปวดมาก กับ ไม่ปวดเลย) พวกนี้จะปวดตุบๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ชีพจร บางครั้งปวดข้างเดียว บางครั้งก็ปวดทั้งสองข้างพร้อมๆกัน (ดังนั้น ปวดไมเกรนจึงไม่จำเป็นต้องปวดข้างเดียวเสมอไป) ก่อนปวดบางครั้งจะรู้สึกเห็นแสงวูบวาบ เห็นดาวเห็นเดือน ได้กลิ่นแปลกๆ รู้สึกสภาพแวดล้อมหดขยายผิดปกติ(aura) นำมาก่อน

ปวดจากเนื้อสมองเอง อันนี้รวมไปถึงเยื่อหุ้มสมอง และน้ำไขสันหลังที่มาหล่อเลี้ยงสมองด้วย อันนี้เป็นอะไรที่หลายคนกลัวกันมาก เพราะนึกไปว่าการปวดหัวของเราอาจจะเป็นโรคร้ายเหล่านี้ เดี๋ยวผมเล่าอาการของโรคในกลุ่มนี้ให้ฟังครับ จะได้สังเกตกันอย่างถูกต้อง
กลุ่มโรคที่น่ากังวลก็คือเลือดออกในสมอง เลือดออกที่เยื่อหุ้มสมอง ไม่ว่าจะเกิดจากการกระแทก หรือ เส้นเลือดแตกจากความดัน ไขมันสูง โรคติดเชื้อเช่นติดเชื้อในสมอง ในน้ำไขสันหลัง ไปจนถึงโรคมะเร็งในสมองเป็นต้น ในโรคเหล่านี้ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดหัวมาก ปวดจนอาเจียน (ให้สังเกตว่าไม่ใช่อาเจียนแบบทารกแหวะนม แต่เป็นอาเจียนพุ่งเป็นลำ) มองเห็นภาพซ้อน สติเลอะเลือน ปวดหัวคอแข็งไปหมด ไม่สามารถก้มหัวลงได้ คางไม่ชิดหน้าอก หากไปตรวจความดันก็จะพบว่าความดันสูงขึ้นมาก 180-200 มิลลิเมตรปรอทเชียว

ปวดจากกล้ามเนื้อศีรษะตึงตัว คนเราทุกคนมีกล้ามเนื้อใบหน้า กล้ามเนื้อรอบๆศีรษะ บางครั้งเจ้ากล้ามเนื้อเหล่านี้เกิดการเกร็งตัวขึ้นมาก็จะทำให้เรารู้สึกปวดหัวได้ พวกนี้อย่างที่ผมเรียนก็คือ สามารถหายได้ง่ายจากการกินยาพาราแก้ปวด หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อ เพียงแต่ว่าเป็นโรคที่ค่อนข้างเรื้อรัง เดี๋ยวหาย เดี๋ยวเป็นใหม่อีกแล้ว สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวก็คือ "ความเครียดของร่างกายและจิตใจ"

โดยทั่วไปโรคเหล่านี้จะไม่เป็นตอนที่เราเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ เพราะว่าเป็นช่วงที่ร่างกายเพิ่งผ่านการพักผ่อนมาเต็มที่ ไม่เครียด แต่จะไปปวดเอาตอนที่เริ่มทำงานหรือเผชิญความเครียดต่างๆบนท้องถนน บางครั้งการที่ปวดหลังจากตื่นนอนทันที จะชวนให้คิดถึง 3 อย่างคือ 1.นอนไม่พอ 2.กระดูกคอ กล้ามเนื้อคอมีปัญหากับที่นอน 3.มีการกรนหรือหยุดหายใจในขณะหลับ ทำให้ออกซิเจนไปสมองไม่ดีนัก

ความเครียดของร่างกายที่ทำให้เกิดการปวดหัวก็เช่น นอนไม่พอ กล้ามเนื้อคออยู่ในท่าเดิมนานๆ (หมอนสูงไป ต่ำไป นั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ) สายตาสั้นยาวไม่เหมาะสมกับแว่นตา อดอาหาร หิวจนเกินไป ทำงานในที่อากาศไม่ถ่ายเท

ความเครียดของจิตใจก็ทำให้ปวดหัวได้เช่นเดียวกัน บางคนมองข้ามตรงนี้ไป โดยทั่วไปหากผู้ป่วยนอนไม่หลับแล้วปวดหัวร่วมด้วย หากได้รับยาช่วยให้หลับสบาย ก็มักจะหายปวดหัวไปได้ โดยไม่ต้องใช้ยาอื่น โดยทั่วไปความเครียดเกิดจากความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน เนื่องจากต้องทำอะไรเร็วๆ ต้องแก่งแย่งแข่งขัน จึงเป็นเหตุให้เกิดความเครียดตามมาได้ง่าย

ผมได้กล่าวถึงสาเหตุของเรื่องปวดหัวไว้ทั่วๆไป ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า มีสาเหตุจากหลายปัจจัย หากเป็นสาเหตุที่พอรักษา ปรับปรุงเองได้ ก็น่าจะลองทำดู เผื่อว่าโรคปวดหัวเรื้อรังนั้นจะหายไปครับ

ไม่มีความคิดเห็น: